ชีวิตคือการต่อสู้เสมอมา
ความจริงแห่งชีวิตที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ผู้เข้าชมรวม
86
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ชีวิต คือ การต่อสู้! อืม..ม ประโยคนี้ฟังดูคุ้น ๆ นาเพราะว่าได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งคนฟังหรือคนอ่านอาจจะดูเหมือนว่าคนพูดหรือคนเขียนจะออกแนววิชาการเกินไปมั้ยอ่ะ? แต่ถ้าจะว่าไปนะกว่าจะถือกำเนิดได้เกิดออกมาก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนโชว์สปิริตความเร็ว ความแข็งแรงแบบยืนหนึ่งในบรรดาสเปิร์มจำนวนหลาย ๆ ล้านตัวที่ต้องแย่งชิงตำแหน่งเพื่อไปปฏิสนธิกับไข่สุกที่เป็นเป้าหมายหลัก ก่อนที่จะมีกระบวนการในการพัฒนาการของการเจริญเติบโตภายในครรภ์ของมารดา จนกระทั่งอุแว้ ๆ ลืมตาออกมาดูโลกใบใหม่ภายนอกท้องของแม่บังเกิดเกล้าในวันแรกของการเริ่มนับอายุขัยของชีวิตในวัยทารก จวบจนก้าวย่างจากเด็กทารกมาเป็นเด็กน้อย เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวเข้าสู่วัยฉกรรจ์วัยทำงานที่ก่อร่างสร้างตัว สร้างครอบครัว จวบจนเข้าสู่วัยเกษียณล่วงเลยร่วงโรยเข้าสู่วัยชราและสุดท้ายก็ต้องถึงวาระสุดท้ายละทิ้งสังขารคืนสู่วงจรธรรมชาติของชีวิตตามกฎแห่งวัฏสงสาร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด
ทีนี้เราลองมาดูกันว่าการสู้ชีวิตในแต่ละช่วงชีวิตนั้นเป็นยังไง..มะ..มาติดตามกันเลย
1. วัยทารก
เป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลประคบประหงมจากพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรมากมาย แต่ว่าในระหว่างนี้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็ยังคงทำงานตามหน้าที่ บางครั้งอาจเกิดปัญหาจากระบบการกิน การขับถ่าย ระบบหายใจ และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเด็กก็ต้องช่วยเหลือตนเองอย่างเต็มที่เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ดังนั้นอาการแสดงออกมาบางอย่างที่เป็นสัญญาณว่าหิว เจ็บป่วยไม่สบายและอะไรต่าง ๆ ก็มักมีออกมาให้เห็น นั่นคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอันน่ามหัศจรรย์ของเด็กน้อยวัยไร้เดียงสา
2. วัยเด็ก
เป็นวัยที่ต้องดิ้นรนขนขวายในการศึกษาเล่าเรียนตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามวัยที่ต้องเรียนรู้เพื่ออนาคต ซึ่งก็ไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะในทางวิชาการของการศึกษา โดยเฉพาะคนที่อาจจะมีสติปัญญาที่ด้อยกว่าผู้อื่น รวมถึงเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตช่วยครอบครัวหารายได้ เพื่อนำมาประทังชีวิตเพื่อการศึกษาและเพื่ออนาคต รวมถึงภาระหน้าที่ต่าง ๆ ภายในบ้านที่มิอาจปล่อยปละทิ้งไปได้และมันไม่ง่ายนะเลยกับวัยที่ยังไม่เดียงสาซักเท่าไร
3. วัยรุ่น
เป็นวัยที่ยังคงต้องรับผิดชอบในหน้าที่นักเรียนนักศึกษาที่มีอัตราความยากทางวิชาการที่มีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนั้นยังต้องสู้กับความกดดันในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องของอนาคต เรื่องการเรียน เรื่องฐานะความเป็นอยู่กับการใช้ชีวิตในแวดวงการศึกษา นอกจากนี้บางคนยังต้องต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ในแวดวงของการทำงานควบคู่ไปด้วยอย่างหนักยิ่งทวีคูณในแบบที่ไม่มีทางเลือก รวมถึงต้องมีภูมิคุ้มกันในภาวะด้าน EQ และ IQ ที่ต้องประสบพบเจอกับสิ่งยั่วยุยั่วเย้าทางอารมณ์ตัณหาและราคะต่าง ๆ นานา ที่มีมากมายหลายอย่างทั้งถูกและผิดกฎหมาย ซึ่งวัยนี้เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะมองเห็นเส้นทางในอนาคตต่อไปได้เลยทีเดียว ซึ่งเป็นอะไรที่ทดสอบศักยภาพความเป็นของวัยรุ่นที่ต่อไปต้องกลายเป็นผู้ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบมากมายต่อไป
4. วัยผู้ใหญ่
เป็นวัยที่มีอะไรต้องให้ทำมากมายเหลือเกิน ทั้งเรื่องการเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าในระดับที่สูงขึ้น การงานที่เป็นหน้าที่สำคัญในการหารายได้มาเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวทั้งพ่อแม่พี่น้อง รวมถึงครอบครัวของตนเองที่มีทั้งสามี ภรรยาและลูก โดยที่หลายสิ่งหลายอย่างจากวัยรุ่นก็ยังคงตามมามิได้ห่างหายไปไหน อีกทั้งยังมีความกดดันเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากการแปรเปลี่ยนจากเป็นผู้รับจากพ่อแม่มาเป็นผู้ให้แก่ท่านกลับคืนบ้าง ตลอดจนลูกของเราเองที่เราต้องรับผิดชอบดูแลในฐานะพ่อและแม่เช่นกัน ซึ่งเป็นอะไรที่สับสนวุ่นวายน่าวิตกกังวลและเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยนั้นต้องเค้นพลังออกมาสู้มากกว่าคนอื่น ๆ เป็นสองสามเท่า แต่มิอาจหลีกเลี่ยง หรือสลัดทิ้งไปได้แม้แต่นิดเดียว
5. วัยชรา
เป็นวัยที่ตรากตรำทำงานหนักอย่างลำบากมายาวนานในชีวิตและถึงแก่เวลาที่ต้องพักผ่อนพักร่างกายสงบจิตใจเข้าสู่ธรรมะและความเป็นธรรมชาติที่เที่ยงแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลาย ๆ คนที่เคยอยู่ในระดับหน้าที่การงานที่สูงส่งใหญ่โต มีอำนาจและลาภยศสรรเสริญมากมายมาก่อน แต่สิ่งเหล่านั้นค่อย ๆ หายไปหรือหายแว๊บไปเลยก็อาจเป็นอะไรที่ทำให้ลำบากใจและต้องปรับตัวปรับสภาพจิตใจกันยกใหญ่เลยทีเดียว กอปรกับร่างกายและสังขารที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็อาจเริ่มออกอาการเสื่อมสภาพเข้าใกล้วันหมดอายุในแต่ละส่วนของอวัยวะของร่างกายแล้ว ซึ่งอาจต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแทนเพราะจะทำอะไรก็ไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนเคย ก็อาจเป็นอะไรที่ทำให้ลำบากกายลำบากใจไม่น้อยที่ต้องทนทุกข์ต่อสู้กับภาวะการเสื่อมถอยของร่างกาย จนกระทั่งเข้าสู่วาระสุดท้ายที่ยังคงต้องต่อสู้เพื่อให้มีลมหายใจสุดท้ายของชีวิต รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับก้าวต่อไปหลังความตายที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งก็เป็นอะไรที่ลำบากใจและเครียดไม่น้อย แต่ก็มีบางคนที่จากไปด้วยความสงบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความโชคดีในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
โอ้โห! ชีวิตมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ นะเนี่ย!!! ใครมีบุญเก่าดีหน่อยก็ลำบากน้อยหน่อย แต่ถ้าใครมีกรรมมากกว่าก็ต้องประสบกับความยากลำบากมากกว่าเช่นกันตามแต่โชคชะตาของแต่ละคนที่ถูกกำหนดมา แต่เชื่อว่า..ทุกคนนั้นมีเลือดนักสู้ในตัวอยู่แล้ว แต่ศักยภาพของแต่ละคนอาจแตกต่างกันทำให้ผลลัพธ์ที่ได้รับนั้นแตกต่างกันไป แต่หลายคนก็บอกว่าพรสวรรค์นั้นไม่อาจสู้พรแสวงได้ ก็เอาเป็นว่า..มาช่วยกันทำความดีกันให้มาก ๆ กันดีกว่า เมื่อมีความดีเป็นฐานชีวิตแล้วสิ่งดี ๆ ก็จะก้าวเดินเข้ามาในชีวิตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคิดดีพูดดีและทำดีนั้นเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เราไม่ต้องเค้นพลังต่อสู้กับแรงกดดันต่าง ๆ รายรอบตัวเรามากนัก แต่กลับจะนำพาให้เรานั้นได้พบกับความสุขสมหวังและสำเร็จอย่างแท้จริง...แทน...
เรื่องโดย นรชนไท
เครดิตภาพ
ภาพโดย Thumb Hand Auto Task จาก Pixabay
ภาพโดย People Bed Baby จาก Pixabay
ภาพโดย Book Asia Children จาก Pixabay
ภาพโดย Fatigued Young Laptop จาก Pixabay
ภาพโดย Workplace Team Business Meeting จาก Pixabay
ภาพโดย Human Older People Care For The จาก Pixabay
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Norrachonthai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Norrachonthai
ความคิดเห็น